






5 วิธีหางานสำหรับผู้รับเหมามือใหม่ควรรู้
สำหรับผู้รับเหมารายใหม่ที่ต้องการประกอบอาชีพธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง การเริ่มต้นที่ดี ถือเป็นเรื่องดีไม่ว่าจะผู้รับเหมารายเก่า หรือ ผู้รับเหมารายใหม่ เพราะทุกคนอยากประสบความสำเร็จในสายงายกันอยู่แล้ว วันนี้ เคเอ็มพีพาร์ทเนอร์นำ 5 วิธีในการหางานสำหรับผู้รับเหมามือใหม่มาฝากค่ะ
1.เริ่มจากงานเล็ก ๆ ที่ยิ่งใหญ่ ถ้าเราเป็นผู้รับเหมารายใหม่ การเริ่มต้นจากงานเล็ก ๆ ถือเป็นการสั่งสมประสบการณ์ที่ดีเลยทีเดียว เพราะงานเล็ก ๆ ที่เรารับในวันนี้จะก่อให้เกิดความชำนาญและเชียวชาญในอนาคต ดังนั้นการเริ่มจากงานเล็ก ๆจะช่วยให้เราทำงานแบบไม่เป็นกังวลอย่างแน่นอน หรือ อาจจะเริ่มจากการเป็นผู้รับเหมารายย่อย หรือที่เรียกว่า (ซัพ)ไปก่อนเก็บเกี่ยวความรู้ประสบการณ์การทำงานด้านรับเหมาก่อสร้าง เพื่อให้เกิดการจ้างงานจากผู้รับเหมารายใหญ่ต่อไปในอนาคต
2.ร่วมงานแฟร์ หรือ งานสัมมนา การเข้าร่วมงานแฟร์ หรืองานสัมมนา นอกจากจะเป็นการเสริมความรู้ในด้านการจัดการต่างๆกับตัวเราแล้ว ยังสามารถเปิดโอกาสให้กับตัวเอง ได้รู้จักกับบริษัทอื่น ๆ หรือร้านค้าวัสดุก่อสร้าง ที่มาร่วมงานสัมมนา ได้ทั้งความรู้และโอกาสในการต่อยอดธุรกิจ รวมถึงอาจจะได้แนวความคิดที่สามารถนำมาปรับใช้ในการทำธุรกิจของเราต่อไป
3.การใช้ โซเชียลมีเดีย ในปัจจุบันไม่มีใครไม่รู้จัก เฟสบุ๊กไลน์ แน่นอนว่าทุกคนรู้จักและต้องมีใช้กันอย่างแน่นอน ช่องทางออนไลน์นี้เป็นช่องทางที่สามารถเข้าถึงได้ง่าย แบบฟรีๆ ผู้รับเหมาสามารถนำผลงานต่าง ๆ ที่ผ่านมาของตัวเองเผยแพร่หรือแชร์ลงเฟสบุ๊กของตัวเอง หรือตามกลุ่มรับเหมาก่อสร้างเพื่อให้ลูกค้าได้เห็นผลงานก่อนการตัดสินใจจ้างงานถือเป็นวิธีที่ดีเพราะไม่ต้องลงทุนเลยแม้แต่นิดเดียว หรือการพาตัวเองไปอยู่ตามกลุ่มเฟสบุ๊กที่มีการจัดจ้างงานก็เป็นอีกช่องทางที่เราสามารถเสนอผลงานให้กับผู้ว่าจ้างได้ง่ายมากยิ่งขึ้น
4.คนรู้จักก็สำคัญ คนรู้จักนั้นสำคัญยังไงบอกได้เลยว่าก้าวแรกถ้าเรามีผู้สนับสนุนที่ดีโอกาสทางธุรกิจจะมีมาอย่างต่อเนื่อง เพราะจะเกิดการบอกต่อ หรือที่เรียกว่า”ปากต่อปาก” ถ้าเรามีคนรู้จักเริ่มจากงานใกล้ๆตัว การบอกต่อจะเกิดขึ้นได้อย่างแน่นอน
5.เมื่อมีลูกค้าแล้วต้องรักษาลูกค้าเก่าให้ดี ดังคำที่ว่าหาลูกค้าใหม่ยากพอๆกับการรักษาลูกค้าเก่า การรักษาลูกค้าเก่าจะช่วยให้เรามีฐานลูกค้า ในวันที่ลูกค้าต้องการต่อเติม ปรับปรุง เปลี่ยนแปลง ถ้าลูกค้านึกถึงเราโอกาสที่จะได้งานเพิ่มก็มีเข้ามาอย่างแน่นอน
วิธีการหาลูกค้าของผู้รับเหมาแต่ละท่านอาจจะแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับทักษะและแนวความคิดทางการตลอดของผู้รับเหมาแต่ละท่าน ดังนั้นการรับงานทุกครั้งต้องควบคุมและประเมิณราคาให้ดีเพื่อป้องกันการขาดทุนนะคะ


การทำงานอย่างมีความสุข
การทำงานอย่างมีความสุข
ทำงานอย่างไงให้มีความสุข รู้สึกเต็มที่ และรักที่จะทำ วันนี้เรามีวิธีในการเสริมตัวเองให้รู้สึกสนุกไปกับงานที่ทำมาฝากกันนะคะ เริ่มจากตัวเราเอง ควรปรับทัศนคติของตัวเอง ต้องตั้งเป้าหมายว่าเราจะทำอะไร ทำงานเพื่ออะไร
1.เรื่องส่วนตัวและเรื่องงานควรแยกออกจากกันอย่างชัดเจน อยากให้คิดว่าไม่มีใครที่ไม่มีปัญหาส่วนตัว แต่ปัญหาที่เจอของแต่ละคนอาจจะไม่เหมือนกัน การทำเรื่องต่าง ๆ รวมกันจะทำให้การทำงานของเราไม่เต็มที่ เพราะจะติดอยู่กับปัญหาที่เราเจอ
2.ดูแลสุขภาพ การที่เราจะทำงานได้อย่างเต็มที่เรื่องสุขภาพเป็นเรื่องที่สำคัญ ถ้าเราทำงานแบบไม่ดูแลสุขภาพถ้าเจ็บป่วยต้องเข้าโรงพยาบาลขึ้นมานอกจากจะเสียสุขภาพแล้ว งานที่เรารักก็จะเสียตามไปด้วย
3.จัดระเบียบงาน แน่นอนว่าในการทำงานเราอาจจะไม่ได้ทำงานเพียงอย่างเดียว หรือชิ้นเดียว เราอาจจะมีหลายงานหลายโปรเจคให้ต้องทำ การจัดระเบียบคือการดูว่างานชิ้นไหนสำคัญมากสำคัญน้อย งานไหนเร่งด่วน งานไหนเป็นงานระยะยาว เพราะการที่งานถาโถมเข้ามาอาจจะก่อให้เกิดความเครียดได้ ดังนั้นควรจัดระเบียบงานให้ดีและทำไปตามแผนที่วางไว้ เพื่อให้งานสำเร็จไปได้ด้วยดี
4.ให้รางวัลตัวเอง ชื่นชมตัวเองบ้าง หลายครั้งเราอาจจะได้รับคำชมจากหัวหน้า เพื่อนร่วมงาน ก่อให้เกิดความภูมิใจในตัวเอง แต่การให้รางวัลตัวเอง ไม่ว่าจะให้ในสิ่งที่เราชอบ การออกไปทานข้าวในร้านอาหารที่เราอยากไป สิ่งเหล่านี้จะทำให้เรามีแรงกระตุ้นในการทำงาน และเป็นการสร้างคุณค่าให้กับตัวเราเอง
5.ยอมรับในข้อผิดพลาด ทุกคนไม่มีใครสมบูรณ์แบบ 100% ทุกคนมีทั้งข้อดี และข้อเสีย ถ้าการทำงานจะเกิดความผิดพลาดก็ไม่ใช่ปัญหา แต่เราต้องยอมรับข้อผิดพลาดและนำข้อผิดพลาดมาหาวิธีในการแก้ไข และปรับปรุงหาวิธีที่จะไม่ให้เกิดปัญหาเหล่านั้นขึ้นมาอีก
6.อีกหนึ่งวิธีที่จะสร้างความสุขในการทำงานคือ การทักทายเพื่อนร่วมงาน เช่นในช่วงเช้า ตอนเจอใครให้กล่าวคำทักทายพร้อมรอยยิ้มให้กัน เป็นการสร้างพลังด้านบวกทำให้เกิดความรู้สึกดี และมีแรงจูงใจในการทำงานตลอดทั้งวันได้
การทำงานในแต่ละวันเราหลีกเลี่ยงปัญหาและอุปสรรค ไม่ได้แต่เราสามารถสร้างแรงจูงใจในการทำงานได้ด้วยจากการเริ่มปรับและเปลี่ยนตัวเองเพื่อให้การทำงานของเรามีความสุขในการทำงานและผลงานที่ออกมาเป็นที่ยอมรับนะคะ

4 ของแต่งบ้านสุดปังปี 2021
4 ของแต่งบ้านสุดปังปี 2021
ทำไมถึงควรจัดบ้าน??
หลายคนอาจจะสงสัยว่าการจัดบ้านทำไมต้องทำ บางครั้งการจัดบ้านไม่ได้หมายความว่าเราต้องปรับเปลี่ยนทั้งหมดทุกจุดภายในบ้าน การจัดบ้านอาจจะไม่หมายถึงมุมใดมุมหนึ่งของบ้านก็เป็นไปได้ เช่นการจัดมุมสำหรับนั่งเล่น นั่งทำกิจกรรมภายในบ้านก็จะช่วยให้คนในบ้านมีพื้นที่ในการใช้งานร่วมกันก่อให้เกิดปฏิสัมพันธ์ที่ดีของคนภายในครอบครัว หรือมุมทำงานที่ทำให้เกิดสมาธิ มีแรงจูงใจในการทำงานเพิ่มมากขึ้น วันนี้เรานำเทรนของแต่งบ้านในปีนี้มาฝาก เป็นของที่สามารถหาซื้อได้ หรือจะทำเองเพื่อแต่งบ้านก็ได้นะคะ
1.ของธรรมชาติ
ในปี 2021 มีการคาดการณ์ว่า เทรนจัดบ้านจะเน้นไปทางสิ่งของหรือวัสดุที่ทำมาจากธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็น ไม้ ดอกไม้ กระจก สิ่งเหล่านี้จะถูกนำมาจัดบ้านและมีความนิยมมากยิ่งขึ้น เพราะคนส่วนใหญ่จะเน้นไปทางธรรมชาติเพื่อให้เกิดความรู้สึกสบาย โดยของตกแต่งอาจจะเป็นเฟอร์นิเจอร์ที่ทำงานไม้ เช่นโต๊ะ ตู้ หรือเตียง ที่เน้นสีไม้แบบธรรมชาติไม่ต้องตกแต่งอะไรเพิ่มเติมมากมายนัก
2.งานฝีมือ
งานฝีมือหรืองานแฮนด์แมดที่เราเห็นกันทั่วไป อาจจะถูกนำมาเป็นของตกแต่งบ้านที่ได้รับความนิยม เนื่องจากงานฝีมือเป็นงานที่ละเอียดอ่อน ต้องใช้ความปราณีต และงานบางอย่างเป็นสินค้าที่มีชิ้นเดียวในโลก จึงมีคุณค่าทางจิตใจของผู้ใช้ หรือแม้แต่การนำไปเป็นของฝากก็จะได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี
3.การปลูกต้นไม้
เทรนของต้นไม้มีมาตลอด โดยการปลูกต้นไม้ในบ้านจะช่วยให้ผู้ที่อยู่อาศัย มีความรู้สึกสงบ สบาย บ้านน่าอยู่มากยิ่งขึ้น หรืออาจจะถูกใจสายมูที่สามารถหาต้นไม้ที่เป็นมงคลมาประดับตกแต่งบ้าน นอกจากจะได้ความสวยงามแล้ว ยังช่วยส่งเสริมความเป็นสิริมงคลให้กับผู้ปลูกและผู้ที่อยู่ในบ้านได้อีกด้วยค่ะ การปลูกต้นไม้ภายในบ้านหรือภายนอกบ้านยังช่วยปล่อยออกซิเจน ทำให้อากาศสดชื่น
4.พื้นที่เปิดโล่ง
ทำให้มีพื้นที่เปิดโล่ง ไม่ว่าจะพื้นที่ภายนอกบ้าน หรือพื้นที่ระเบียง เทรนในปีนี้จะเน้นความโล่ง โปร่ง การจัดพื้นที่เช่นการจัดโต๊ะนั่งเล่นเล็กๆ ไว้ในหน้าบ้าน นอกจากจะเป็นการจัดบ้านแล้ว เรายังได้พื้นที่ใช้สอยก่อให้เกิดประโยชน์เป็นพื้นที่ที่สามารถใช้งานและทำกิจกรรมต่างๆ กับคนภายในบ้านได้อีกด้วย
สิ่งต่างๆเหล่านี้เป็นสิ่งที่เราสามารถหา หรือสร้างขึ้นมาเองได้ ลองนำไปประยุกต์และตกแต่งให้บ้านของเรามีความน่าอยู่ ดูสวยงามมากขึ้นในทุกๆวันนะคะ

การบริหารงานก่อสร้าง
การบริหารงานก่อสร้าง
1 วางแผน
ก่อนการเริ่มงานหรือรับงานใด ๆ ไม่ใช่เฉพาะเพียงแต่งานก่อสร้าง สิ่งแรกที่ทุกคนต้องทำคือการวางแผน ประโยชน์ของการวางแผนไม่ใช่แค่ทำให้เรารู้ว่าเราต้องทำอะไรต่อไป ยังเป็นตัวช่วยในการบริหารงานได้อย่างดี
- การวางแผนโครงการจะทำให้เราเห็นภาพใหญ่ของทั้งโครงการ ว่างานต้องทำอะไรตรงไหน ต้องมีการจัดการยังไง
- การวางแผนในเรื่องวัสดุ แน่นอนว่าวัสดุเป็นเรื่องสำคัญ การที่มีการวางแผนล่วงหน้าจะทำให้การทำงานของหน้างานมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น และการรู้ว่าต้องใช้อะไรเท่าไหร่ก็สามารถนำจำนวนสิ่งของที่เราต้องใช้นั้นไปขอราคา หรือหาร้านค้าที่ตอบโจทย์ทั้งคุณภาพและราคาได้ดีกว่า
- การวางแผนในเรื่องคนงาน ผู้รับเหมาบางรายอาจจะไม่ได้รับเหมาเพียงหน้างานเดียว บางครั้งก็ทำควบสอง สามโครงการ ดังนั้นงานก่อสร้างจะไม่สำเร็จถ้าขาดคนงาน ต่อให้มีวัสดุอุปกรณ์เงินทุนพร้อมแค่ไหน ถ้าขาดคนที่ต้องลงมือทำก็เท่านั้น ดังนั้นก่อนการตัดสินใจรับงานควรดูประสิทธิภาพในการจัดการของเราว่าพร้อมแล้วหรือไม่
- เงินทุน อย่าลืมว่าธุรกิจก่อสร้าง เงินทุนเป็นปัจจัยหลักในการดำเนินงาน การวางแผนเงินทุนเป็นเรื่องที่สำคัญมากเพื่อเป็นการป้องกันการขาดสภาพคล่องทางการเงิน และควรดูด้วยว่างานที่เรารับมามีมูลค่าเท่าไหร่ คาดการณ์ว่าถ้าจบงานเรามีเงินเหลือเท่าไหร่
2.การดำเนินการ DO
เมื่อมีการวางแผนแล้ว ขั้นตอนต่อไปก็คือการทำตามแผนที่ตั้งไว้
- เริ่มจากการสั่งสินค้า เมื่อเรารู้แล้วว่าหน้างานก่อสร้างของเราต้องการใช้อะไรบ้างก็จัดการสั่งสินค้าให้ตรงกับความต้องการและสเปกสินค้า
- การมอบหมายงานให้กับทีมงาน โดยต้องแจกแจงว่าใครต้องทำอะไร รับผิดชอบในส่วนไหนแบ่งความรับผิดชอบให้ชัดเจน
3.การตรวจสอบ
เมื่อมีการจ่ายงานหรือมอบหมายงานไปแล้วขั้นตอนต่อไปก็คือต้องมีการตรวจเช็คผลงาน การตามงานเพื่อให้งานสำเร็จเป็นไปตามแผนการที่ได้ตั้งไว้
- ตรวจสอบคุณภาพของงาน ว่าเป็นไปตามที่กำหนดหรือควรจะเป็นหรือไม่
- ตรวจสอบคุณภาพของสินค้า ว่าตรงกับสเปคในการจัดซื้อหรือไม่
- ตรวจสอบว่างานดำเนินไปถึงไหน มีความคืบหน้าอย่างไร และเป็นไปตามแผนการหรือไม่
- ทุกครั้งที่มีการตรวจสอบหรือติดตามงานควรมีการบันทึกความคืบหน้าปัญหาที่เจอไว้เพื่อนำปัญหาเหล่านั้นไปตรวจสอบและหาวิธีแก้ไขและป้องกันต่อไป
4.สรุปผล
เมื่อมีการตรวจเช็คผลงานแล้ว ขั้นตอนต่อไปคือการทำสรุปผล สรุปปัญหาที่พบในการทำงาน และนำมาปรับปรุง หาวิธีและแนวทางในการแก้ไขปัญหาที่เจอ เพื่อป้องกันการเกิดปัญหาซ้ำ ๆ เดิม ๆ
งานส่วนไหนที่มีปัญหาก็ช่วยกันหาวิธีในการแก้ไข
การบริหารงานก่อสร้างโดยยึดหลักตามนี้จะช่วยให้ทีมบริหารสามารถควบคุมและจัดการคุณภาพ จัดการทีมงานให้ดำเนินไปตามแผนการที่เราตั้งไว้ นอกจากนี้ทุกคนยังรู้หน้าที่ว่า วันนี้เราทำอะไรถึงไหน และในวันพรุ่งนี้หรือวันถัดไปเราจะทำอะไรต่อ